ศูนย์การค้าสยามพารากอนสยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ จับมือพันธมิตรทางธุรกิจ จัดโครงการ "รวมพลคนรักสยามเพื่อสร้างความสุขและนำรอยยิ้มกลับคืนสู่สังคมไทย"
โดยนางชฎาทิพย์ จูตระกูล ผู้บริหารสูงสุดสยามพารากอน และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สยามดิสคัฟเวอรี่และสยามเซ็นเตอร์กล่าวว่า ศูนย์การค้าทั้ง 3 แห่ง จะจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบร้านค้า รวมถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบทางการเมือง
กำหนดจัดกิจกรรมตลอดเดือนมิถุนายนนี้ และจัดต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นปี กิจกรรมแรก จัดขึ้นในวันที่ 6 มิ.ย. นี้ คือกิจกรรมยิ้ม โซไซตี้แชร์ริตี้
โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานผ้าไหม 3 ผืน จากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี และฉลองพระองค์ จากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายา ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมาร และของรักของเหล่าศิลปินดารา เพื่อนำรายได้จากการจำหน่ายสินค้าสบทบเข้า กองทุนรวมกันเราทำได้ เพื่อนำไปฟื้นฟู และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวกรุงเทพฯ
ผู้ประกอบการเชื่อใช้เวลาไม่เกิน 2 ปีฟื้นศก.
นางดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการบริษัท มาร์เก็ตไว้ส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการสำรวจผลกระทบของภาคธุรกิจหลังเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองโดยได้สำรวจกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเจ้าของกิจการและพนักงานบริษัทเอกชนในกรุงเทพฯรวม 240 คนระหว่างวันที่ 26-31 พ.ค. 2553 โดยแบ่งเป็นสองกลุ่มเท่าๆกันได้แก่กลุ่มแรกคือผู้ที่ประกอบธุรกิจหรือทำงานในบริเวณที่มีการชุมนุมและได้รับผลกระทบในการชุมนุม เช่น บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ถนนสีลม และอนุสาวรีย์ชัยฯเป็นต้น
กลุ่มที่สองได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรือทำงานบริเวณที่ไม่มีการชุมนุมเช่นหัวหมาก ทองหล่อ สุขุมวิท และสาธร บางรัก
ผลสำรวจพบว่าเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาคธุรกิจโดย 75% ส่งผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ อีก 58% เป็นความแตกแยกทางการเมืองและสังคม
นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในหลายด้าน เช่น ความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากต่างประเทศ 33% โดยกลุ่มตัวอย่างเพียง 24% ยังมีความเชื่อมั่นในความปรองดองของสังคมไทย
ทั้งนี้ในผลการสำรวจดังกล่าวยังพูดถึงการฟื้นฟูประเทศว่า 61% มีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี ที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับมาสู่ภาวะปกติได้ ขณะที่กลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน กลุ่มผู้ให้สัมภาษณ์ที่มีอายุน้อยและกลุ่มผู้ที่ทำงานหรือประกอบธุรกิจนอกพื้นที่ชุมนุมกลับเห็นว่าประเทศจะใช้เวลาในการฟื้นฟูนานกว่า
“ใน 61% ของผู้ให้สัมภาษณ์ไม่เชื่อมั่นในการเติบโตของเศรษฐกิจภายหลังเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมือง และ 76% ไม่เชื่อมั่นในความปรองดองของคนในสังคม นอกจากนี้ในส่วนของการฟื้นฟูและพัฒนาประเทศของรัฐบาลพบว่า 51% มีความเชื่อมั่น และอีก 39% มองว่าการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศจะอยู่ในระดับดังกล่าว
....
หอการค้าไทยคาดเงินสะพัดช่วงบอลโลก6หมื่นล.
ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึง การสำรวจพฤติกรรม การใช้จ่ายของประชาชนในช่วงฟุตบอลโลก 2010 พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.1 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น และร้อยละ 31.5 ไม่เปลี่ยนแปลง
โดยส่วนใหญ่ ที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เป็่นการใช้จ่ายเพื่อการพนันกว่า 37,208 ล้านบาท เพิ่มขึ้น ร้อยละ 9.8 เมื่อเทียบกับช่วงฟุตบอลยูโร 2008 และมีค่าใช้จ่าย ในการสังสรรค์ ซื้อสินค้าอีกกว่า 24,463 ล้านบาท ส่งผลทำให้ในช่วงฟุตบอลโลกปีนี้ เงินสะพัดกว่า 59,672 ล้านบาท
จะสามารถช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้ ร้อยละ 0.2 คิดเป็นค่าใช้จ่ายที่ประชาชน จะมีเงินสะพัดกว่า 22,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจที่พบพฤติกรรม การเล่นพนัน เพื่อหวังรายได้เพิ่มขึ้น ทางหอการค้าไทยแสดงความเป็นห่วง ต่อปัญหาอาชญากรรม และการก่อหนี้
http://www.bangkokbiznews.com/
รี้ด เทรดเด็กซ์ เปิดตัวตุ๊ก ตุ๊ก แสงอาทิตย์ คันแรก ฝีมือคนไทยในงานแถลงข่าวงาน อินดัสเทรียล เอเนอร์จี เอ็นไวรอนเนนท์ เอเซีย 2010
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น